إذا كانَ یَوْمُ القیامَةِ نادى مُنادٍ: یا أَهْلَ الجَمْعِ غُضُّوا أَبْصارَكُمْ حَتى تَمُرَّ فاطِمَة
( كنز العمّال ج 13 ص 91 و 93/ منتخب كنز العمّال بهامش المسند ج 5 ص 96/ الصواعق المحرقة ص 190
/ أسد الغابة ج 5 ص 523/ تذكرة الخواص ص 279/ ذخائر العقبى ص 48/
مناقب الإمام علی لابن المغازلی ص 356/ نور الأبصار ص 51 و 52/ ینابیع المودّة ج 2 باب 56 ص 136.)
1.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “เมื่อถึงวันกิยามัต จะมีเสียงร้องขึ้นว่า โอ้ประชาชนทั้งหลาย จงลดสายตาของเจ้า จนกว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์จะเดินผ่านไป”
(กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 91,93 ,อัศเศาะวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 190 ,อุสดุลฆอบะฮ์ เล่ม 5 หน้า 523 ,ตัซกีรอตุลเคาวาศ หน้า 279 ,ซะคออิรุลอุกบา หน้า 48 ,
มะนากิบอัลอิมาม อลี ลิบนิลมุฆอซิลีย์ หน้า 356)
2- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
كُنْتُ إذا اشْتَقْتُ إِلى رائِحَةِ الجنَّةِ شَمَمْتُ رَقَبَةَ فاطِمَة
(منتخب كنز العمّال ج 5 ص 97/ نور الأبصار ص 51/ مناقب الإمام علی لابن المغازلی ص 360.)
2.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “เมื่อใดที่ฉันอยากจะดมกลิ่นหอมแห่งสรวงสวรรค์ ฉันจะจุมพิตไปที่ลำคอของฟาฏิมะฮ์”
(มุนตะคอบกันซุลอุมมาล เล่ม 5 หน้า 97 ,นูรุลอับศอร หน้า 51 และมะนากิบอัลอิมามอะลี ลิอิบนิมะฆอซิลีย์ หน้า 360 )
3- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
حَسْبُك مِنْ نساءِ العالَمیَن أَرْبَع: مَرْیمَ وَآسیَة وَخَدیجَة وَفاطِمَة
(مستدرك الصحیحین ج 3 باب مناقب فاطِمَة ص 171/ سیر أعلام النبلاء ج 2 ص 126/ البدایة والنهایة ج 2 ص 59/ مناقب الإمام علی لابن المغازلی ص 363.)
3.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “เพียงพอแล้วสำหรับเจ้า จากสตรีแห่งสากลจักรวาลทั้งสี่คน คือ ท่านหญิงมัรยัม ,ท่านหญิงอาซียะฮ์, ท่านหญิงคอดีญะฮ์ และฟาฏิมะฮ์”
(มุสตัดร็อกอัศศอฮีฮัยน์ เล่ม 3 บาบมะนากิบ ฟาฏิมะฮ์ หน้า 171 ,ซิยัรอะอ์ลามุลนุบลาอ์ เล่ม 2 หน้า 126,อัลบิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 59 และ มะนากิบ อัลอิมามอะลี ลิอิบนิมะฆอซิลีย์ หน้า 363)
4- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
یا عَلِی هذا جبریلُ یُخْبِرنِی أَنَّ اللّهَ زَوَّجَك فاطِمَة.
(مناقب الإمام علی من الریاض النضرة: ص 141.)
4.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โอ้อะลี นี่คือ ท่านญิบรออีลได้มาแจ้งข่าวกับฉันว่า
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงสมรสเจ้ากับฟาฏิมะฮ์”
(มะนากิบอัลอิมามอะลี มินัรริยาฎอัลนุฎเราะฮ์ หน้า 141)
5- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
ما رَضِیْتُ حَتّى رَضِیَتْ فاطِمَة».
(مناقب الإمام علی لابن المغازلی: ص 342.)
5.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฉันจะไม่พึงพอใจ จนกว่า ฟาฏิมะฮ์จะพึงพอใจ”
(มะนากิบอัลอิมามอะลี ลิอิบนิมะฆอซิลีย์ หน้า 342)
6- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
یا عَلِیّ إِنَّ اللّهَ أَمَرَنِی أَنْ أُزَوِّجَكَ فاطِمَة.
(الصواعق المحرقة باب 11 ص 142/ ذخائر العقبى ص 30 و 31/ تذكرة الخواص ص 276/ مناقب الإمام علی من الریاض النضرة ص141/ نور الأبصار ص53)
6.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้กล่าวว่า “โอ้อะลี แท้จริงอัลลอฮ์ทรงบัญชาให้ฉันได้ทำการสมรสเจ้ากับฟาฏิมะฮ์”
(อัศศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ บาบ 11 หน้า 142 ,ซะคออิรุลอุกบา หน้า 30- 31, ตัซกีรอตุลคอวาศ หน้า 276, มะนากิบอัลอิมามอะลี มินัรริยาฎอัลนุฎเราะฮ์ หน้า 141 และ นูรุลอับศอร หน้า 53)
7- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
إِنّ اللّهَ زَوَّجَ عَلیّاً مِنْ فاطِمَة
(الصواعق المحرقة ص 173).
7.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้กล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮ์ทรงทำการสมรสอะลีกับฟาฏิมะฮ์”
(อัศศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 173 )
8- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
أَحَبُّ أَهْلِی إِلیَّ فاطِمَة .
(الجامع الصغیر ج 1 ح 203 ص 37/ الصواعق المحرقة ص 191/ ینابیع المودّة ج 2 باب 59 ص 479/ كنز العمّال ج 13 ص93).
8.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์คือบุคคลที่ฉันมีความรักต่อนางมากที่สุดในหมู่เครือญาติของฉัน”
(อัลญามิอ์อัลศอกีร เล่ม 1 ฮะดีษ 203 หน้า 37,อัศศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 191
,ยะนาบิอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 บาบ 59 หน้า 479 และกันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 93)
9- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
خَیْرُ نِساءِ العالَمین أَرْبَع: مَرْیَم وَآسیة وَخَدِیجَة وَفاطِمَة.
(الجامع الصغیر ج 1 ح 4112 ص 469/ الإصابة فی تمییز الصحابة ج 4 ص 378/ البدایة والنهایة ج 2 ص 60/ ذخائر العقبى ص 44.)
9. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “สตรีที่ประเสริฐที่สุด มีด้วยกันสี่ท่าน คือ ท่านหญิงมัรยัม ,ท่านอาซียะฮ์,ท่านหญิงคอดีญะฮ์ และฟาฏิมะฮ์”
(อัลญามิอุศศอกีร เล่ม 1 ฮะดีษ 4112 หน้า 469 ,อัลอิศอบะฮ์ ฟีย์ ตัมยีซุศศอฮาบะฮ์ เล่ม 4 หน้า 378 , อัลบิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 60 และ ซะคออิรุลอุกบา หน้า 44)
10- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
سیّدَةُ نِساءِ أَهْلِ الجَنَّةِ فاطِمَة .
(كنز العمّال ج13 ص94/ صحیح البخاری، كتاب الفضائل، باب مناقب فاطمة/ البدایة والنهایة ج 2 ص61.)
10. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ประมุขแห่งบรรดาสตรีแห่งสรวงสวรรค์ คือ ฟาฏิมะฮ์”
(กัรซุลอุมมาล เล่ม 3 หน้า94 ,ศอเฮียะฮ์อัลบุคอรี กิตาบอัลฟะฎออิล บาบมะนากิบฟาฏิมะฮ์ และ อัลบิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 61)
11- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
أَوَّلُ مَنْ یَدْخُلُ الجَنَّةَ: عَلیٌّ وَفاطِمَة
(نور الأبصار ص 52/ شبیه به آن در كنز العمّال ج 13 ص 95.)
11. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “บุคคลแรกที่เข้าสู่สวรรค์ คือ อะลี และฟาฏิมะฮ์”
(นูรุลอับศอร หน้า 52 และ กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 95 )
12- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
أُنْزِلَتْ آیَةُ التطْهِیرِ فِیْ خَمْسَةٍ فِیَّ، وَفِیْ عَلیٍّ وَحَسَنٍ وَحُسَیْنٍ وَفاطِمَة.
(إسعاف الراغبین ص 116/ صحیح مسلم، كتاب فضائل الصحابة.)
12.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โองการอัตตัฏฮีรถูกประทานลงให้กับ บุคคลทั้งห้า คือ ฉัน และอะลี ,ฮะซันกับฮุเซน และฟาฏิมะฮ์
(อิสอาฟุรรอฆิบีน หน้า 116 และ ศอเฮียะฮ์อัลมุสลิม กิตาบฟะฎออิลอัศศอฮาบะฮ์)
13- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
أَفْضَلُ نِساءِ أَهْل الجَنَّةِ: مَرْیَمُ وَآسیةُ وَخَدیجَةُ وَفاطِمَة.
(سیر أعلام النبلاء: ج 2 ص 126/ذخائر العقبى: ص 44.)
13. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “สตรีที่ประเสริฐที่สุดแห่งชาวสวรรค์ ก็คือ
ท่านหญิงมัรยัม ,ท่านหญิงอาซียะฮ์ ,ท่านหญิงคอดีญะฮ์และฟาฏิมะฮ์”
(ซิยัรอะอ์ลามุลนุบลาอฺ เล่ม 2 หน้า 126 และ ซะคออิรุลอุกบา หน้า 44 )
14- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
أَوَّلُ مَنْ دَخَلَ الجَنَّةَ فاطِمَة.
(ینابیع المودّة ج 2 ص 322 باب 56.)
14.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “บุคคลแรกที่เข้าสู่สรวงสวรรค์ คือ ฟาฏิมะฮ์”
(ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 หน้า 322 บาบ 56 )
15- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
المَهْدِیِ مِنْ عِتْرَتی مِنْ وُلدِ فاطِمَة
(الصواعق المحرقة ص237.)
15. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า
“มะฮ์ดีมาจากลูกหลานของฉันที่มีเชื้อสายจากฟาฏิมะฮ์” (ศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 237)
16- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
إنّ اللّهَ عَزَّوَجَلَّ فَطـــَمَ ابْنَتِی فاطِمَـــة وَ وُلدَهـــا وَ مَنْ أَحَبًّهُمْ مِنَ النّارِ فَلِذلِكَ سُمّیَتْ فاطِمَة.
(كنز العمال ج6 ص 219).
16. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮ์ทรงคุ้มครองบุตรีของฉัน ฟาฏิมะฮ์ และลูกๆของนาง อีกทั้งผู้ที่มีความรักต่อนางให้ออกห่างจากไฟนรก ด้วยเหตุนี้นางจึงถูกเรียกชื่อว่า ฟาฏิมะฮ์” (กันซุลอุมมาล เล่ม 6 หน้า 219)
17- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة أَنْتِ أَوَّلُ أَهْلِ بَیْتی لُحُوقاً بِی.
(حلیة الأولیاء ج 2 ص 40/ صحیح البخاری كتاب الفضائل/كنز العمّال ج 13 ص 93/ منتخب كنز العمّال ج 5 ص 97).
17.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ เจ้าคือ บุคคลแรกจากอะฮ์ลุลบัยต์(วงศ์วาน)ของฉันที่จะกลับมาพบฉัน หลังจากฉัน”
(ฮิลลิยะตุลเอาลิยา เล่ม 2 หน้า 40 ,ศอเฮียะฮ์อัลบุคอรี กิตาบอัลฟะฎออิล ,กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 93 มุนตะคอบกันซุลอุมมาล เล่ม 5 หน้า 97)
18- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة بَضْعَةٌ مِنّی یَسُرُّنِی ما یَسُرُّها
( الصواعق المحرقة ص 180 و 232/ مستدرك الحاكم / معرفة ما یجب لآل البیت النبوی من الحق على من عداهم ص 73/ ینابیع المودّة ج 2 باب 59 ص 468.)
18. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ ส่วนหนึ่งของฉัน ใครก็ตามที่ทำให้นางพึงพอใจ ฉันก็จะพึงพอใจกับเขาด้วย
(ศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ เล่ม 180 และ 232 , มุสตัดร็อกอัลฮากิม,มะอ์ริฟะฮ์ มา ยะญิบุ ลิอาลิลบัยตุลนะบะวีย์ มินัลฮัก อะลา มัน อัดดาฮุม หน้า 73 และ ยะนาบิอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 บาบ 59 หน้า 468 )
19- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة سِیِّدةُ نِساءِ أَهْلِ الجَنِّة
(صحیح البخاری ج 3 كتاب الفضائل باب مناقب فاطِمَة ص 1374/ مستدرك الصحیحین ج 3 باب مناقب فاطِمَة ص 164/ سنن الترمذی ج 3 ص 226/ كنز العمّال ج 13 ص 93/ منتخب كنز العمّال ج 5 ص 97/ الجامع الصغیر ج 2 ص 654 ح 5760/ سیر أعلام النبلاء ج 2 ص 123/ الصواعق المحرقة ص 187 و 191/ خصائص الإمام علیّ للنسائی ص 118/ ینابیع المودّة ج 2 ص 79/ الجوهرة فی نسب علیّ وآله ص 17/ البدایة والنهایة ج 2 ص 60.)
19.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ ประมุขแห่งบรรดาสตรีชาวสวรรค์”
(ศอเฮียะฮ์อัลบุคอรี เล่ม 3 กิตาบุลฟะฎออิล บาบมะนากิบฟาฏิมะฮ์ หน้า 1374 ,มุสตัดร็อกอัลศอเฮียะฮัยน์ เล่ม 3 บาบมะนากิบฟาฏิมะฮ์ หน้า 164 ,ซุนันอัตติรมิซีย์ เล่ม 3 หน้า226 ,กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 93 ,มุนตะคอบกันซุลอุมมาล เล่ม 5 หน้า 97 ,อัลญามิอุศศอฆีร เล่ม 2 หน้า 654 ฮะดีษ 5760 ,ซิยัร อะอ์ลามุลนุบลาอฺ เล่ม 2 หน้า 123 ,อัศศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 187และ 191 ,เคาะซออิศุลอิมามอะลี ลิลนิซาอีย์ หน้า 118 ,ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 หน้า 79 ,อัลเญาฮะเราะฮ์ ฟีย์ นะซับ อะลี วะอาลิฮี หน้า 17 และอัลบิดายะฮ์ วัลนิฮายะฮ์ เล่ม 2 หน้า 60 )
20- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
فاطِمَة بَضْعَةُ مِنّی فَمَنْ أَغْضَبَها أَغْضَبَنِی.
(صحیح البخاری ج 3 كتاب الفضائل باب مناقب فاطِمَة ص 1374/ خصائص الإمام علیّ للنسائی ص 122/ الجامع الصغیر ج 2 ص 653 ح 5858/ كنز العمّال ج 3 ص 93 ـ 97/ منتخب بهامش المسند ج 5 ص 96/ مصابیح السنّة ج 4 ص 185/ إسعاف الراغبین ص 188/ ذخائر العقبى ص 37/ ینابیع المودّة ج 2 ص 52 ـ 79.)
20.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ ส่วนหนึ่งของฉัน ผู้ใดก็ตามที่ทำให้นางโกรธ ก็เท่ากับเขานั้นทำให้ฉันโกรธด้วยเช่นกัน”
(ศอเฮียะฮ์อัลบุคอรี เล่ม 3 กิตาบอัลฟะฎออิล บาบมะนากิบฟาฏิมะฮ์ หน้า 1374 เคาะซออิศุลอิมามอะลี ลิลนิซาอีย์ หน้า 122 ,อัลญามิอ์อัศศอฆีร เล่ม 2 หน้า 653 ฮะดีษ 5858 ,กันซุลอุมมาล เล่ม 3 หน้า 93 – 97 ,มุนตะคอบบิฮามิชอัลมุสนัด เล่ม 5 หน้า 96 , มะศอบีฮุซซุนนะฮ์ เล่ม 4 หน้า 185 ,อิสอาฟุรรอฆิบีน หน้า 188 ,ซะคออิรุลอุกบา หน้า 37 และ ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 หน้า 52 – 79 )
21- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة خُلِقَتْ حورِیَّةٌ فِیْ صورة إنسیّة
(مناقب الإمام علی لابن المغازلی ص 296).
21.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ถูกสร้างในสภาพที่เป็นชาวสวรรรค์ในรูปร่างของมนุษย์” (มะนากิบอัลอิมามอะลี ลิอิบนิมุฆอซิลีย์ หน้า 296)
22- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة حَوْراءُ آدَمیّةَ لَم تَحضْ وَلَمْ تَطْمِث.
( الصواعق المحرقة ص 160/ إسعاف الراغبین ص 188/ كنز العمّال ج 13 ص 94/ منتخب كنز العمّال ج 5 ص 97.)
22.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ สตรีชาวสวรรค์ที่อยู่ในรูปของมนุษย์ ที่ไม่มีประจำเดือน และเลือดหลังคลอดบุตร”
(อัศศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 160 ,อิสอาฟุรรอฆิบีน หน้า 188 ,กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 94 และมุนตะค็อบกันซุลอุมมาล เล่ม 5 หน้ส 97 )
23- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة أَحَبُّ إِلیَّ مِنْكَ یا عَلِیّ وَأَنْتَ أَعَزُّ عَلَیَّ مِنْها
( مجمع الزوائد ج 9 ص 202/ الجامع الصغیر ج 2 ص 654 ح 5761/ منتخب كنز العمّال ج 5 ص 97/ أسد الغابة ج 5 ص 522/ ینابیع المودّة ج 2 باب 56 ص 79/ الصواعق المحرقة الفصل الثالث ص 191.)
23. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือผู้ที่ฉันมีความรักมากกว่าเจ้า โอ้อะลี และเจ้าคือผู้ที่มีเกียรติมากกว่านางต่อฉัน”
(มัจญ์มะอุซซะวาอิด เล่ม 9 หน้า 202 ,อัลญามิศศอฆีร เล่ม 2 หน้า 654 ฮะดีษ 5761 ,มุนตะค็อบกันซุลอุมมาล เล่ม 5 หน้า 97 ,อะซาดุลฆอบะฮ์ เล่ม 5 หน้า 522 ,ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 บาบ 56 หน้า 79 และศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ อัลฟัศล์ อัษษาลิษ หน้า 191 )
24- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة بَضْعَةٌ مِنّی وَهِیَ قَلْبِیْ وَهِیَ روُحِی التی بَیْنَ جَنْبِیّ.
(نور الأبصار ص 52.)
24. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์คือเนื้อส่วนหนึ่งของฉัน นางคือ หัวใจและวิญญาณของฉันที่อยู่ระหว่างฉัน”
(นุรุลอับศอร หน้า 52)
25- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
فاطِمَة سیِّدَةُ نِساءِ أُمَّتِی.
(سیر أعلام النبلاء ج 2 ص 127/صحیح مسلم، كتاب فضائل الصحابة، باب مناقب فاطمة/مجمع الزوائد ج 2 ص 201/إسعاف الراغبین ص 187.)
25. ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า
“ฟาฏิมะฮ์ คือ หัวหน้าแห่งบรรดาสตรีในประชาชาติของฉัน”
(ซิยัรอะอ์ลามุลนุบลา เล่ม 2 หน้า 127 ,ศอเฮียะฮ์มุสลิม กิตาบฟะฎออิลุศศอฮาบะฮ์ บาบมะนากิบฟาฏิมะฮ์ , มัจญ์มะอุซซะวาอิด เล่ม 2 หน้า 201 และอิสอาฟุรรอฆิบีน หน้า 187)
26- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة بَضْعَةٌ مِنّی یُؤلِمُها ما یُؤْلِمُنِی وَ یَسَرُّنِی ما یَسُرُّها.
(مناقب الخوارزمی ص 353.)
26.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ ส่วนหนึ่งของฉัน ผู้ใดก็ตามที่รังแกนางเท่ากับรังแกฉัน และผู้ใดที่ทำให้นางดีใจเท่ากับทำให้ฉันดีใจด้วยเช่นกัน”
(มะนากิบคอรัซมีย์ หน้า 353 )
27- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة بَضْعَةٌ مِنّی مَنْ آْذاهَا فَقَدْ آذانِی.
( السنن الكبرى ج 10 باب من قال: لا تجوز شهادة الوالد لولده ص 201/ كنز العمّال ج 13 ص 96/نور الأبصار ص52/ ینابیع المودّة ج 2 ص 322.)
27.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ ส่วนหนึ่งของฉัน บุคคลใดก็ตามที่รังแกนาง แน่นอนที่สุดเขาก็รังแกฉันเช่นกัน”
(อัซซุนันอัลกุบรอ เล่ม 10 บาบ มัน กอละ ลาตะญูซู ชะฮาดตุลวาลิด ลิวาละดิฮี หน้า 201 ,กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 96 ,นูรุลอับศอร หน้า 52 และยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 2 หน้า 322 )
28- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة بَهْجَةُ قَلْبِی وَابْناها ثَمْرَةُ فُؤادِی.
(ینابیع الموّدة ج 1 باب 15 ص 243).
28.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ คือ แก้วตาดวงใจของฉัน และบุตรชายทั้งสอง คือ ผลแห่งจิตวิญญาณของฉัน” (ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เล่ม 1 บาบ 15 หน้า 243)
29- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم:
فاطِمَة لَیْسَتْ كَنِساءِ الآدَمیّین
(مجمع الزوائد ج 9 ص 202.)
29.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ฟาฏิมะฮ์ มิได้เหมือนดั่งบรรดาสตรีทั้งหลายแห่งโลกนี้”
(มัจญมะอุซซะวาอิด เล่ม 9 หน้า 202 )
30- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة إِنّ اللّهَ یَغْضِبُ لِغَضَبَكِ.
(الصواعق المحرقة ص 175/ مستدرك الحاكم، باب مناقب فاطمة / مناقب الإمام علی لابن المغازلی ص 351.)
30.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โอ้ฟาฏิมะฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์ทรงพิโรธต่อการพิโรธของเจ้า
(อัศศอวาอิกุลมุฮ์ริเกาะฮ์ หน้า 175 , มุสตัดร็อกอัลฮากิม บาบมะนากิบ และมะนากิบอัลอิมามอะลี ลิอิบนิมุฆอซิลีย์ หน้า 351 )
31- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
فاطِمَة إِنّ اللّهَ غَیْرُ مُعَذِّبِكِ وَلا أَحَدٍ مِنْ وُلْدِكِ.
(كنز العمّال ج13 ص96/ منتخب كنز العمّال بهامش مسند أحمد ج5 ص97/ إسعاف الراغبین بهامش نور الأبصار ص118.)
31.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โอ้ฟาฏิมะฮ์ แท้จริงอัลลอฮ์ ไม่ทรงลงโทษเจ้าและลูกหลานของเจ้าสักคนเดียว”
(กันซุลอุมมาล เล่ม 13 หน้า 96 ,มุนตะค็อบกันซุลอุมมาล บิฮามิช มุสนัดอะฮ์มัด เล่ม 5 หน้า 97
และอิสอาฟุรรอฆิบีน บิฮามิช นูรุลอับศอร หน้า 118 )
32- قال رسول اللّه صلى الله علیه وآله وسلم :
كَمُلَ مِنَ الرِّجال كَثِیرُ وَ لَمْ یَكْمُلْ مِنَ النساءِ إِلاّ أَرْبَع: مَرْیـــم وَ آسِیَة وَ خَدیجـــَة وَ فاطِمـــَة
(نور الأبصار ص 51.)
32.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “บุรุษส่วนมากได้รับความสมบูรณ์ ในขณะที่สตรีจะไม่ได้รับความสมบูรณ์นอกจาก สตรีทั้งสี่คน คือ ท่านหญิงมัรยัม ,ท่านอาซียะฮ์,ท่านหญิงคอดีญะฮ์และฟาฏิมะฮ์” (นูรุลอับศอร หน้า 51)
33- قال رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم :
لیلة عرج بی إلى السماء رأیت على باب الجنّة مكتوبا : لا إله إلا الله محمّد رسول الله علیّ حبیب الله الحسن والحسین صفوة الله فاطمة خیرة الله على مبغضیهم لعنة الله.
(تاریخ بغداد: 1/259 تاریخ دمشق: 14/170 لسان المیزان: 5/70)
33.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “ค่ำคืนที่ฉันขึ้นสู่เมียะอ์รอจ ได้เห็นที่ประตูสวรรค์เขียนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ ,มุฮัมมัด เป็นศาสนทูตของพระองค์ ,อะลีคือ ที่รักของพระองค์,ฮะซันและฮุเซนคือ ผู้ที่พระองค์ทรงทำให้สะอาดบริสุทธิ์ และฟาฏิมะฮ์ คือ ผู้ที่พระองค์ทรงคัดเลือกและพระองค์ทรงสาปแช่งผู้ที่ทำให้นางโกรธ”
(ตารีค บักดาด เล่ม 1 หน้า 259 ,ตารีคดิมัชก์ เล่ม 14 หน้า 170 และลิซานุลมีซาน เล่ม 5 หน้า 70)
34- قال رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم :
لو كان الحسن شخصا لكان فاطمة، بل هی أعظم، إن فاطمة ابنتی خیر أهل الأرض عنصرا و شرفا و كرما.
(مقتل الحسین : 1/60.)
34.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “หากมาตรว่า ความดีงามสำหรับบุคคลใดก็ตาม บุคคลนั้นก็คือ ฟาฏิมะฮ์ ทว่า นางสูงส่งกว่า เพราะว่าแท้จริงฟาฏิมะฮ์ คือ บุตรีของฉันที่ประเสริฐกว่าชาวโลกทั้งหลายง ไม่ว่าจากแหล่งกำเนิด ,เกียรติและศักดิ์ศรีก็ตาม”
(มักตัลอัลฮุเซน เล่ม 1 หน้า 60 )
35- خرج رسول الله صلى الله علیه وآله و هو آخذ بید فاطمة سلام الله علیها فقال:
من عرف هذا فقد عرفها و من لم یعرفها فهی فاطمة بنت محمّد وهی قلبی و روحی التی بین جنبی.
(الفصول المهمّة : 146 نور الأبصار : 53)
35.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้เดินออกมาพร้อมกับจับมือของฟาฏิมะฮ์แล้วกล่าวขึ้นว่า “บุคคลใดก็ตามที่รู้จักผู้นี้ แน่นอนเขารู้จักนาง และบุคคลใดที่ยังไม่รู้จักนาง ก็จงรู้เถิดว่า นี่คือ ฟาฏิมะฮ์ บุตรีของมุฮัมมัด นางคือ หัวใจและวิญญาณของฉัน” (อัลฟุศูลุลมุฮิมมะฮ์ หน้า 146 และ นูรุลอับศอร หน้า 53)
36- قال رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم:
إنّما سمّیت فاطمة لأنّ الله عزّوجلّ فطم من أحبّها من النّار.
(مجمع الزوائد : 9/201)
36.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า อันที่จริงถูกเรียกว่า ฟาฏิมะฮ์ ก็เพราะว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงปกป้องผู้ที่มีความรักต่อฟาฏิมะฮ์ให้ออกห่างจากไปนรก
(มัจญ์มะอุซซะวาอิด เล่ม 9 หน้า 201 )
37- قال رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم:
أتانی جبرئیل قال : یا محمّد إنّ ربّك یحبّ فاطمة فاسجد فسجدت ثمّ قال: إنّ الله یحبّ الحسن والحسین فسجدت ثمّ قال: إنّ الله یحبّ من یحبّهما.
( لسان المیزان : 3/275)
37.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “เมื่อญิบรอีลได้เข้ามาหาฉัน ได้กล่าวกับฉันว่า โอ้มุฮัมมัด แท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงมีความรักต่อฟาฏิมะฮ์ แล้วเจ้าจงทำการซุญูด(กราบ)พระองค์ ดังนั้นฉันก็ทำการซุญูด หลังจากนั้น ได้กล่าวอีกว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมีความรักต่อฮะซันและฮุเซน แล้วฉันก็ได้ทำการซุญูดอีกครั้ง หลังจากนั้นได้กล่าวอีกว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมีความรักต่อผู้ที่มีความรักต่อทั้งสอง”
(ลิซานุลมีซาน เล่ม 3 หน้า 275 )
38- قال رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم :
إن فاطمة شعرة منی فمن آذى شعرة منی فقد آذانی و من آذانی فقد آذى الله و من آذى الله لعنه ملء السماوات و الأرض.
(حلیة الأولیاء : 2/40)
38.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า แท้จริงฟาฏิมะฮ์ คือ เส้นผมเส้นหนึ่งของฉัน ดังนั้นบุคคลใดก็ตามที่รังแกผมของฉัน ก็เท่ากับเขารังแกต่อฉัน และบุคคลใดที่ได้รังแกต่อฉัน ก็เท่ากับเขาได้รังแกต่ออัลลอฮ์ และบุคคลใดที่ได้รังแกต่ออัลลอฮ์ พระองค์จะทรงสาปแช่งเขาทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดิน” (ฮิลลียะตุลเอาลิยาอฺ เล่ม 2 หน้า 40 )
39- قال رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم:
یا سلمان، حبّ فاطمة ینفع فی مئة من المواطن أیسر تلك المواطن: الموت و القبر والمیزان و المحشر و الصراط و المحاسبة فمن رضیت عنه ابنتی فاطمة رضیت عنه و من رضیت عنه رضی الله عنه و من غضبت علیه ابنتی فاطمة غضبت علیه و من غضبت علیه غضب الله علیه یا سلمان ویل لمن یظلمها و یظلم بعلها أمیر المؤمنین علیا و ویل لمن یظلم ذرّیتها و شیعتها.
(فرائد السمطین: 2 باب 11 ح 219 كشف الغم: 1/467)
39.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวว่า “โอ้ซัลมาน การมีความรักต่อฟาฏิมะฮ์นั้น มีประโยชน์ในหนึ่งร้อยสถานที่ด้วยกัน และสถานที่สะดวกสบายที่สุด ก็คือ เวลาแห่งความตาย ,ในหลุมฝังศพ ,ในมีซาน (วัดตราชั่ง) ,ในทุ่งมะชัรวันกิยามะฮ์(สถานที่มนุษย์ลุกขึ้นอีกครั้งหลังความตาย),ในสะพานซิรอฏ,ในการคิดบัญชีอะมั้ล ดังนั้น บุคคลใดก็ตามที่บุตรีของฉัน ฟาฏิมะฮ์ มีความพึงพอใจต่อเขา ฉันก็จะพึงพอใจต่อเขา และบุคคลใดก็ตามที่ฉันมีความพึงพอใจต่อเขา พระองค์อัลลอฮ์ก็จะทรงพอพระทัยต่อเขาเช่นกัน และบุคคลใดก็ตามที่บุตรีของฉันมีความกริ้วโกรธต่อเขา ฉันก็จะมีความกริ้วโกรธต่อเขาด้วย และบุคคลใดก็ตามที่ฉันมีความกริ้วโกรธ แน่นอนที่สุดอัลลอฮ์ก็จะมีความพิโรธเช่นกัน โอ้ซัลมานเอ๋ย ความหายนะจงประสบแด่ผู้ที่กดขี่ข่มเหงนาง,สามีของนาง,บุตรหลานของนางและบรรดาชีอะฮ์ ผู้ที่มีความรักต่อนาง”
(ฟะรออิดุซซัมฏัยน์ เล่ม 2 บาบ 11 ฮะดีษ 219 และกัชฟุลฆ็อม เล่ม 1 หน้า 467)
40- قرأ رسول الله صلى الله علیه وآله وسلم هذا الآیة:
فی بیوت أذن الله أن ترفع و یذكر فیها اسمه
فقام إلیه رجل فقال: أی بیوت هذه یا رسول الله؟ قال: بیوت الأنبیاء،
فقام إلیه أبوبكر فقال: یا رسول الله أهذا البیت منها ؟- مشیرا إلى بیت علی و فاطمة علیهما السلام- قال: نعم من أفاضلها
(الدر المنثور : 6/203 تفسیر آیة النور، روح المعانی: 18/174 تفسیر الثعلبی: 7/107 الكشف والتبیان للمسفوی : 72)
40.ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้อ่านโองการนี้
فی بیوت أذن الله أن ترفع و یذكر فیها اسمه
“ในบ้านทั้งหลายที่อัลลอฮ์ทรงเทอดเกียรติและในบ้านหลังนั้นมีการกล่าวรำลึกถึงนามของพระองค์อยู่สม่ำเสมอ”
หลังจากนั้นได้มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วถามว่า บ้านหลังนั้นคือ บ้านของใคร? โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์
ท่านได้ตอบว่า “บ้านหลังนั้นคือ บ้านของบรรดาศาสดา”
หลังจากนั้น อบูบักรได้ลุกขึ้นและถามว่า นั่นคือบ้านหลังนี้ใช่ไหม?
โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ พร้อมกับเขาได้ชี้มือไปที่บ้านของท่านอะลีกับฟาฏิมะฮ์
ท่านศาสดาได้ตอบว่า “ใช่แล้ว บ้านหลังนี้คือ บ้านที่ประเสริฐที่สุดในบ้านทั้งหลาย”
(อัดดุรรุลมันษูร เล่ม 6 หน้า 203 อรรถาธิบายซูเราะฮ์อันนูร, รูฮูลมะอานีย์ เล่ม 18 หน้า 174 ,ตัฟซีรอัษษะอ์ละบีย์ เล่ม 7 หน้า 107 และอัลกัชฟ์วัลบะยาน ลิลมุสฟะวีย์ หน้า 72)