วันที่ฉันสวมฮิญาบ
อะซีลอยากสวมฮิญาบ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะกฎของโรงเรียน เธอได้บอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอภายหลังจากเธอสำเร็จการศึกษา...ในที่สุด
ตอนที่ฉันเป็นเด็ก อายุประมาณ 10 หรือ 11 ขวบ ฉันตื่นเต้นมากที่ได้สวมฮิญาบ ฉันอยากจะสวมมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันเป็นบางอย่างที่ทำแล้วเท่ากับคุณได้เชื่อฟังอัลลอฮฺ โดยไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไง
แต่โชคร้าย ฉันเรียนที่โรงเรียนเอกชนของคริสเตียนแห่งหนึ่งซึ่งห้ามสวมฮิญาบ ถึงแม้ว่าในประเทศของฉันมุสลิมกับคริสเตียนจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบในระดับ หนึ่ง มีบางคนบอกว่าโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่นั้นห้ามสวมฮิญาบเพื่อจะได้เงินทุน ช่วยเหลือจากฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม มันเป็นปัญหาแค่เรื่องเวลาสำหรับฉัน ฉันยังเป็นเด็กอยู่ และคนอื่นๆ ที่ฉันรู้จักในตอนนั้น อย่างลูกพี่ลูกน้องของฉันหรือพวกเพื่อนๆ ก็ยังไม่ได้เริ่มคลุมศีรษะกันเลย
เมื่อฉันเรียนจบปีสุด ท้าย (เดือนมิถุนายน) ฉันดีใจและมีความสุขมาก จำได้ว่าฉันตั้งเป้าหมายไว้หลายอย่าง และฮิญาบก็เป็นหนึ่งในรายการลำดับต้นๆ ฉันน่าจะได้สวมฮิญาบในช่วงฤดูร้อน แต่ฉันก็ยืดเวลาออกไปพักใหญ่ เพื่อให้ได้เสื้อผ้าและผ้าคลุมที่เหมาะสมและอื่นๆ อีก .... เร็วกว่าที่คาด ฉันพบว่าฉันเริ่มไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวันแรกโดยที่ฉันไม่ได้สวมฮิญาบ ฉันตกตะลึงกับวันนั้น เพราะฉันได้ค้นพบว่าเหตุผลที่ฉันยังไม่ได้สวมฮิญาบในวันนั้น ไม่ใช่เพราะกฎของโรงเรียน ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้า และไม่ใช่เพราะเรื่องของเวลาเลย แต่มันเป็นเพราะฉันอ่อนแอเกินไปที่จะเริ่มต้น!
ฉันสวมมันแล้วในตอน เช้า... ฉันดูตัวเองในกระจก แล้วตัดสินใจว่าฉันไม่คุ้นกับภาพลักษณ์นั้น และไม่กล้าพอที่จะออกไปข้างนอกในสภาพแบบนั้น ฉันทำแบบนั้นอยู่สัปดาห์ละครั้งงในตอนเช้าอยู่หลายสัปดาห์ แล้วก็ลืมมันไป
หลังจากนั้น จำได้ว่าฉันน่าสมเพชมาก มันเหมือนกับว่าฉันไม่ไว้ใจตัวเองอีกต่อไป ฉันบอกตัวเองอยู่เสมอว่าฉันต้องการคลุมศีรษะ และเหตุผลเดียวที่ฉันไม่ได้คลุมก็เพราะกฎของโรงเรียน แต่ก็นี่ไง... ไม่มีอะไรมาขัดขวางฉันจากความรู้สึกบริสุทธิ์ใจที่ฉันอยากจะปกปิดร่างกายตัว เองแล้วไง... ฉันรู้สึกอ่อนแอน... ถ้าฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าถูกต้องได้ แล้วฉันจะต่อสู้กับความท้าทายภายนอกได้อย่างไร! ฉันคิดกับตัวเอง
ก่อนหน้านั้น ฉันยังจำได้อีกว่า ฉันเคยพูดถึงฮิญาบไว้ในบทดุอา(ขอพร) ของฉันว่าอย่างไร แต่หลังจากเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย แต่ละครั้งที่ฉันคิดถึงเรื่องฮิญาบและต้องการจะขอดุอา ฉันทำได้เพียงแค่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มันเหมือนกับฉันรู้สึกว่า ถ้าฉันพูดว่า "ฉันอยากสวมฮิญาบ" ออกไป ฉันก็จะเป็นคนโกหก ฉันละอายใจเหลือเกินที่จะพูดถึงมัน มันเป็นเรื่องของความล้มเหลว!
และแล้ว ก็ถึงเดือนรอมฎอน ฉันรักเดือนรอมฎอน! สองสัปดาห์แรกของเดือนรอมฎอนนั้นก็เหมือนกับเดือนรอมฎอนในปีก่อนๆ ฉันถือศีลอด, นมาซ, อ่านกุรอาน และขอดุอา หลังจาก Iftar บางครั้งทุกคนในครอบครัวของฉันจะไปมัสยิดกัน ตามปกติฉันจะนำชุดนมาซไป แต่ครั้งหนึ่ง ฉันสวมฮิญาบก่อนออกจากบ้านไปมัสยิด มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
สองวันหลังจากที่ฉัน สวมฮิญาบไปมัสยิด ที่บ้านไม่มีใคร ทุกคนออกไปทำงานและไปโรงเรียนกันหมด ส่วนฉันมีเรียนที่มหาวิทยาลัยตอนเที่ยง ฉันเตรียมตัวจะไปเรียน และคิดว่าจะสวมชุดไหนดี ฉันนึกถึงผ้าคลุมก่อนอย่างอื่น และลองสวมมัน ใช้เวลาพอสมควรในการทำให้มันแน่นหนาและเข้าที่เข้าทาง
และมันก็เป็นวันนั้น : วันที่ฉันสวมฮิญาบ
ตลอดทางไปมหาวิทยาลัย สาบานได้ ฉันรู้สึกเหมือนกับฝัน เหมือนกับฉันกำลังบิน
ในที่สุดฉันก็ทำได้ ฉันคิด ฉันได้ใกล้ชิดกับอัลลออฺมากขึ้นแล้วตอนนี้... ตอนนี้ฉันสามารถออกไปข้างนอกและเก็บเกี่ยว "ฮะซานะฮฺ" (ความดีงาม) ได้ทุกครั้งที่มีคนมองฉัน บัดนี้ภาพลักษณ์ของฉันจะช่วยให้คนอื่นๆ นึกถึงอิสลาม!
ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นสุขเหลือเกิน จริงๆ นะ และต้องการแค่หัวเราะและร้องไห้และขอบคุณต่ออัลลอฮฺ จากก้นบึ้งของหัวใจ
เมื่อไปถึงมหาวิทยาลัย ฉันยังจำได้ถึงปฏิกิริยาของเพื่อนๆ ทุกๆ คนเข้ามาแสดงความยินดีกับฉันด้วยการยิ้มหรือกอด และบอกว่าฉันสวมฮิญาบแล้วดูดี แม้แต่คนที่ฉันแทบจะไม่รู้จักก็เข้ามาแสดงความยินดี ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ กับท่าทีสนับสนุนที่คนอื่นๆ มีต่อฉัน และเมื่อฉันกลับถึงบ้าน พ่อแม่ของฉันประหลาดใจและตื่นเต้นจริงๆ จังๆ ฉันไม่คิดว่าพวกท่านจะคาดหวังมาก่อน ถึงแม้ฉันจะเคยพูดถึงอยู่มากก็ตาม
มันเป็นวันที่ดีที่สุด วันหนึ่งที่ฉันเคยมีมา จำได้ว่าฉันพยายามหยุดยิ้มเพราะมันติดอยู่บนหน้าฉันนานเหลือเกินแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้ ฉันรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งท้องฟ้า ต้นไม้ ผู้คน ทุกสิ่งทั้งหมดต่างมีความสุขไปกับฉันด้วยที่ได้เริ่มต้นย่างก้าวนี้
ถึงวันนี้ สี่ปีมาแล้ว ฉันกล้าพูดได้เลยว่า การสวมฮิญาบคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของฉัน มันนำพาฉันให้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าฉันกำลังเตือนใจผู้คนให้นึกถึงอิสลามในขณะที่ฉันดำเนินชีวิตอยู่ ทุกๆ วัน ฉันยังรู้สึกด้วยว่าความสำเร็จของฉัน ทั้งด้านการเรียนและด้านอื่นๆ บัดนี้มันมีรากฐานสำคัญ มันมอบความเข้มแข็งและความมั่นใจให้กับฉันอย่างที่ฉันไม่เคยมีมาก่อน ฮิญาบส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งชีวิตของฉันอย่างแท้จริง ตอนนี้ฉันสามารถเพ่งดูการพัฒนาตัวเองและศาสนาอิสลามของฉันจากอีกด้านหนึ่ง ได้
ฉันอยากจะบอกกับพี่น้องมุสลิมะฮฺทั้งหลายที่ต้องการสวมฮิญาบ แต่ยังไม่ได้สวมเสียทีจนกระทั่งถึงตอนนี้ว่า :
"ถ้าคุณเข้ม แข็งพอที่จะควบคุมตัวเองได้ คุณก็จะสามารถก้าวผ่านความท้าทายอื่นๆ ไปได้ แต่ถ้าคุณอ่อนแอเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้ คุณก็จะไม่สามารถจัดกับกับสิ่งอื่นๆ ได้ และถ้าอิสลามอยู่ในหัวใจของคุณ มันจะเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้ปล่อยให้มันออกมาข้างนอก และบอกกับโลกผ่านภาพลักษณ์ของคุณว่า คุณคือมุสลิมคนหนึ่ง"
ขอขอบคุณเว็บไซต์ อะฮ์ลุลบัยต์ อคาเดมี (ประเทศไทย)