ดือนชะอ์บาน เป็นเดือนอันทรงเกียรติ เป็นเดือนของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) จะถือศีลอดตลอดทั้งเดือนในเดือนนี้ และจะถือติดต่อกันจนล่วงเข้าสู่เดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติ
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้กล่าวว่า “เดือนชะอ์บานคือเดือนของฉัน ผู้ใดก็ตามที่ถือศีลอดในเดือนของฉันเพียงหนึ่งวัน แน่แท้สวรรค์ก็เป็นของเขา”
ท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า “เมื่อเดือนชะอ์บานมาเยือน ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) ได้เรียกบรรดามิตรสหายของท่านมาและกล่าวว่า
โอ้บรรดาสหายของฉัน พวกท่านทราบหรือไม่ว่า เดือนนี้คือเดือนอะไร เดือนนี้คือเดือนชะอ์บาน และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้กล่าวไว้ว่า ชะอ์บานคือเดือนของฉัน ดังนั้นจงถือศีลอดในเดือนนี้เถิด
ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงถึงความรัก ที่พวกเรามีต่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) และเพื่อเป็นการแสวงหาความใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเกรียงไกร ให้มากยิ่งขึ้น ขอสาบานต่อพระผู้ซึ่งชิวิตของ อะลี บุตรของฮูเซน อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ฉันได้ยินจากบิดาของฉัน ฮูเซน บุตรของอะลี (อ.) ได้กล่าวว่า
ฉันได้ยิน อะมีรุลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามที่ถือศีลอดในเดือนชะอ์บาน ด้วยความรักต่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) เพื่อแสวงหาความใกล้ชิดยังพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงรักบุคคลผู้นั้น และเขาจะได้รับเกียรติยศของพระองค์ ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ (กิยามัต) และแน่แท้สวรรค์เป็นของเขา”
และยังมีรายงานจากท่านศ๊อฟวาน ญัมมาล อีกว่า ท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) ได้กล่าวแก่ฉันว่า “จงกำชับและส่งเสริมบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับท่าน ต่อการถือศีลอดในเดือนชะอ์บาน ฉันจึงได้กล่าวขึ้นว่า
ชีวิตของข้าฯ ขอพลีเพื่อท่าน และท่านเห็นความประเสริฐของการกระทำนั้นหรือ? อิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) จึงได้กล่าวตอบว่า ใช่แล้ว แท้จริงทุกครั้งเมื่อท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้เห็นดวงจันทร์ของเดือนชะอ์บานแล้ว ท่านจะส่งผู้ประกาศสาส์นไปป่าวประกาศแก่ชาวนครมะดีนะห์ว่า ฉันคือผู้ประกาศสาส์นแห่งศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้า และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้มอบให้ฉันมาแจ้งข่าวแก่พวกท่านว่า
พึงรู้ไว้เถิดว่าแท้ที่จริงแล้ว เดือนชะอ์บานคือเดือนของฉัน พระองค์อัลลอฮ (ซ.บ) จะทรงโปรดปรานผู้ช่วยเหลือฉันในเดือนของฉันนี้ หมายถึง จงถือศีลอดเถิดในเดือนนี้”
หลังจากนั้นท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) ได้กล่าวอีกว่า ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) ได้กล่าวเอาไว้ว่า “การถือศีลอดในเดือนชะอ์บานยังไม่เคยตายไปจากฉันเลย (หมายถึงฉันยังไม่เคยละทิ้งการถือศีลอดในเดือนชะอ์บานเลย) นับตั้งแต่ฉันได้ยินผู้ประกาศสาส์นของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ที่ออกมาป่าวประกาศสาส์นของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ในวันนั้นของเดือนชะอ์บาน และสิ่งนี้จะไม่มีวันตายไปจากฉัน ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ด้วยพระประสงค์ของพระองค์”
ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) ยังได้กล่าวอีกว่า “การถือศีลอดติดต่อกันทั้งสองเดือน (เดือนชะอ์บานและเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติ) คือการขออภัยโทษจากพระผู้เป็นเจ้า”
มีรายงานจากท่านอิสมาอีล อับดุลคอลิก ว่า “ครั้งหนึ่งฉันอยู่กับท่านอิมาม ญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) และได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องของการถือศีลอดในเดือนชะอ์บาน ท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) ได้กล่าวถึงความประเสริฐของการถือศีลอดในเดือนชะอ์บาน อย่างนั้นอย่างนี้มากมาย จนถึงกับว่าชายผู้ซึ่งแปดเปื้อนไปด้วยเลือดของสิ่งที่ฮะรอม (บาปอันใหญ่หลวง) แต่เมื่อเขาได้ถือศีลอดในเดือนชะอ์บาน เขาจะได้รับการอภัยโทษในทันทีทันใด”
ตามรายงานข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงความประเสริฐของวันและเวลาในเดือนชะอ์บานนี้ โดยเฉพาะการถือศีลอดในเดือนนี้เป็นภารกิจที่ประเสริฐยิ่งนัก เป็นการเตรียมพร้อมต่อการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติที่กำลังจะมาเยือน เป็นเดือนที่มีผู้ยิ่งใหญ่มาถือกำนิด คือท่านอิมามฮุเซน (อ.) หัวหน้าแห่งชายหนุ่มในสรวงสวรรค์ ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ.) หัวหน้าแห่งผู้กราบกราน และอิมามมะฮ์ดี (อ.) อิมามคนสุดท้ายแห่งมนุษยชาติ
ภารกิจต่างๆ ที่ควรจะปฏิบัติเพื่อยังความใกล้กับพระผู้เป็นเจ้าในเดือนนี้นอกจากการถือศีลอดแล้วมีมากมาย อาธิเช่น การกล่าว ขออภัยโทษต่อพระผู้เจ้า วันละ 70 ครั้งว่า اَسْتَغْفِرُاللّهَ وَ اَسْئَلُهُ التَّوْبَةَ (อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ วะอัสอะลุฮุตเตาบะห์)
และเช่นเดียวกันให้กล่าว อีก 70 ครั้งในแต่ละวันว่า
اَسْتَغْفِرُاللّهَ الَّذى لا اِلهَ اِلاّ هُوَ الرَّحْمنُ الرَّحیمُ الْحَىُّ الْقَیّوُمُ وَ اَتُوبُ اِلَیْهِ
(อัสตัฆฟิรุลลอฮัลละซี ลาอิลาฮา อิลลา ฮุวัรเราะห์มานุร เราะห์ฮีม อัลฮัยยุลกัยยูม วะอะตูบุอิลัยฮ์)
และให้กล่าวในเดือนนี้ตลอดทั้งเดือน 1000 ครั้งว่า
لا اِلهَ اِلا اللّهُ وَلانَعْبُدُ اِلاّ اِیّاهُ مُخْلِصینَ لَهُ الدّینَ وَ لَوُ كَرِهَ الْمُشْرِكُونَ
(ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ วะลานะอ์บุดุ อิลลา อียาฮู มุคลิศีนะลาฮุดดีน วะเลาการีฮันมุชริกูน)
และจงบริจาคทานให้มากที่สุดแก่ผู้ยากจนขัดสน ถึงแม้ว่าจะทำได้แค่ซีกเดียวของผลอินทผลัมก็ตาม เพื่อที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ร่างกายของเขาไม่ถูกเผาจากไฟนรก มีรายงานจากท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) กล่าวว่า “มีชายผู้หนึ่งได้ถามถึงความประเสริฐของการถือศีลอดในเดือนรอญับ ท่านอิมามได้ตอบแก่เขาว่า แล้วด้วยเหตุใดท่านจึงลืมถึงความประเสริฐของการถือศีลอดในเดือนชะอ์บานเล่า?
ผู้รายงานได้กล่าวต่อว่า “ฉันจึงได้ถามท่านอิมามว่า โอ้ผู้เป็นบุตรแห่งท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ผลบุญของผู้ถือศีลอดเพียง 1 วันในเดือนชะอ์บานคือสิ่งใด?? ท่านอิมาม ญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) กล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ) ว่า ผลบุญคือสรวงสวรรค์ และฉันได้ถามอีกว่า อามั้ล (ภารกิจ) ที่ดีที่สุดในเดือนชะอ์บานคืออามั้ลใด????
ท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ.) ตอบว่า การบิจาคทาน และการขออภัยโทษ บุคคลใดก็ตามที่บริจาคทานในเดือนชะอ์บาน พระองค์อัลลอฮ์จะทรงรักษาสิ่งนั้น (การบริจาคทาน) ของเขา เสมือนกับคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านดูแลรักษาอูฐ (ดูแลอย่างดี) จวบจนวันสิ้นโลก (กิยามัต) และจะส่งคืนให้เขาผู้เป็นเจ้าของ (ผู้บิรจาคทาน) เท่ากับภูเขาอุฮุด (นามของภูเขาที่มีขนาดใหญ่)”
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้กล่าวว่า “บุคคลใดก็ตามที่ได้ถือศีลอดในทุกวันจันทร์ และวันพฤหัสบดีในเดือนชะอ์บานตลอดทั้งเดือน พระองค์จะทรงประทานสิ่งพึงประสงค์ของเขาในโลกนี้แก่เขา 20 ประการ และในโลกหน้า (อาคิเราะห์) อีก 20 ประการ”
การกล่าว ศอลาวาต (ประสาทพร) แด่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) และแด่บรรดาลูกหลานอะห์ลุลบัยต์ (อ) ของท่านศาดสดา (ศ) เป็นการปฏิบัติที่ประเสริฐอีกภารกิจหนึ่ง ควรปฏิบัติให้มากที่สุดเท่าที่พึงกระทำได้
และยังมีบทดุอาอ์ (วิงวอนขอพร) อีกมากมายที่พี่น้องผู้ศรัทธาสามารถดูได้ในหนังสือ “กุญแจแห่งสรวงสวรรค์” (มะฟาติฮุลญินาน)
ยาอัลลอฮ์ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดยอมรับการปฏิบัติต่างๆ ของบ่าวผู้ต่ำต้อยด้วยเถิด อามีน ยาร๊อบบัลอาละมีน
