ชีวประวัติอิมามมุฮัมมัด อัล ญะวาด ตอนที่ 2
จริยธรรมของอิมาม มุฮัมมัด ญะวาด(อ.)
ถึงแม้ว่า อิมามมุฮัมมัด ญะวาด จะขึ้นดำรงตำแหน่งอิมาม ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ปรากฏว่าท่านเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพสง่างาม เข้มแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ท่านได้รับความเคารพนับถือและยกย่อง
มีอยู่วันหนึ่ง เล่ากันว่า ขบวนของคอลีฟะฮ์มะอ์มูนเดินผ่านมาโดยมุ่งยังทิศทางที่พวกเด็กๆ ที่กำลังนั่งเล่นกันอยู่ และในจำนวนนั้น ก็มีท่านอิมามมุฮัมมัด อัล ญะวาดรวมอยู่ด้วย
เด็กเหล่านั้น ต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ในขณะที่อิมามมุฮัมมัด ญะวาด ยังคงยืนอยู่กับที่ เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น
คอลีฟะฮ์มะอ์มูน หยุดขบวนแล้วจ้องมองมายังท่าน ซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ แต่มิได้วิ่งหนีเหมือนกับคนอื่นๆ จึงถามด้วยความประหลาดใจว่า :
“ทำไมเจ้าจึงไม่วิ่งหนีไปพร้อมกับเด็กๆ เหล่านั้น ?”
อิมามมุฮัมมัด ญะวาด (อ.) กล่าวว่า “โอ้ อมีรุล มุอ์มินีน ถนนหนทางสายนี้มิได้คับแคบ จนฉันเองก็มิได้ทำอะไรผิดจนต้องกลัวการลงโทษ เพราะฉันเองเชื่อถือว่าท่านเป็นคนดีแท้จริงท่านจะไม่ลงโทษคนที่มิได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้นฉันจึงยืนอยู่ตรงนี้ มิได้ไปไหน ?
คอลีฟะฮ์ มะอ์มูน ยิ่งบังเกิดความประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เขาจึงถามว่า “แล้วเจ้าชื่ออะไร?”
ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าชื่อ มุฮัมมัด บิน อะลี อัร ริฏอ”
ดังนั้น คอลีฟะฮ์ มะอ์มูน จึงกล่าวขอพรให้กับบิดาของท่านแล้วเดินทางต่อไปเพื่อล่าสัตว์
จดหมายจากอิมามอะลี ริฏอ(อ.)
ถึงอิมามมุฮัมมัด ญะวาด (อ.)
อิมามอะลี ริฏอ เป็นผู้ที่ปฏิบัติตัวต่อบุตรชายของท่าน ด้วยการให้เกียรติและยกย่องเสมอ ท่านได้เน้นถึงความสำคัญในการอบรมสั่งสอนบุตร มีรายงานบอกเล่าจาก
“อัล บะซันฏีย์” ซึ่งเป็นสหายของอิมามอะลีริฏอ (อ.) ว่า อิมามเคยส่งจดหมายไปหาบุตรชายของท่าน ดังมีใจความตอนหนึ่งว่า
“โอ้ อบูญะอ์ฟัร มีข่าวมาถึงพ่อว่า แท้จริงพวกผู้ปกครองได้นำเจ้าขี่พาหนะออกจากทางประตูเล็ก และอันนี้นับเป็นความใจแคบของพวกเขาอย่างหนึ่งที่ไม่ยอมให้ใครได้รับความดีงามจากเจ้า ดังนั้นพ่อขอร้องเจ้าโดยสิทธิของพ่อที่มีต่อเจ้าว่า อย่าเข้าและอย่าออกจากทางอื่นใด นอกจากทางประตูใหญ่ และเมื่อเจ้าจะขี่พาหนะควรจะได้นำทองคำและเงินติดตัวไปด้วย หลังจากนั้นไม่ว่าใครมาขอ เจ้าจะต้องให้เขา ในบรรดาลุงของเจ้านั้นถ้าหากมีใครมาขอ เจ้าจะต้องทำดีต่อเขา โดยอย่างให้เขาน้อยกว่า 50 ดีนาร แท้จริงฉันเองต้องการจะให้อัลลอฮ์ ทรงยกย่องเจ้าดังนั้นจงบริจาค และจงอย่ากลัวว่าจะมีความตระหนี่จากพระเจ้าแห่งบัลลังก์”
การที่อิมามมุฮัมมัด ญะวา มีอายุน้อยนี่เองจึงเป็นเหตุทำให้ผู้มีผู้คลางแคลงใจเป็นอย่างมาก บางคนจึงพยายามทดสอบท่านด้วยปัญหาต่างๆ ที่ยากจะหาคำตอบได้ แต่ท่านอิมามสามารถตอบปัญหาเหล่านั้นได้อย่างเชี่ยวชาญที่สุด จนทำให้บรรดาผู้ตั้งปัญหาถามถึงกับแสดงความฉงนสนเท่ห์กันอย่างถ้วนหน้า
มีชายคนหนึ่งชื่อยะห์ยา บิน อักซัม เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่มีคามรู้แก่กล้ายิ่งนัก อีกทั้งยังมีตำแหน่งเป็นผู้พิพากษา ซึ่งนับว่าเป็นตำแหน่งที่สูงยิ่ง พวกอับบาสิยะฮ์เอง ก็มีความประสงค์ที่จะให้มีการทดสอบวิชาความรู้ของอิมามญะวาด เพราะเห็นว่าเป็นเพียงเด็กน้อย ด้งนั้นพวกเขาจึงจัดให้มีการพบกันระหว่างบุคคลทั้งสอง
เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน ยะห์ยา บิน อักซัม เป็นฝ่ายเริ่มตั้งคำถามอิมามก่อนว่า “ขอให้อัลลอฮ์ทรงปรับปรุงท่านด้วยเถิด โอ้ อบูญะอ์ฟัร ท่านมีความเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับผู้ครอบอิห์รอมที่ล่าสัตว์”
ท่านอิมาม กล่าวเป็นคำถามย้อนกลับไปว่า
“ก่อนอื่นท่านต้องบอกก่อนว่า เขาได้ฆ่าสัตว์ตัวนั้น ในเขตอนุญาตหรือเขตหวงห้าม เขาได้กระทำลงไปในฐานะผู้มีความรู้หรือยังโง่เขลา เขาได้ฆ่าสัตว์ตัวนั้น ด้วยเจตนาหรือพลั้งผิดไป เขาเป็นอิสระชนหรือเป็นทาสเขาผู้นั้นเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ เขาได้ฆ่าสัตว์เช่นนั้นเป็นครั้งแรกหรือกระทำด้วยความเคยชิน สัตว์ที่ถูกล่าเป็นสัตว์ประเภทนกหรือประเภทอื่นๆ สัตว์ที่ถูกล่ายังเป็นตัวอ่อนหรือเป็นตัวที่โตเต็มที่แล้ว เขาผู้นั้นยังตั้งใจในการล่าสัตว์ต่อไปหรือสำนึกผิดแล้ว สัตว์ที่ถูกล่าติดกับดักของเขาในตอนกลางคืน หรอว่าในตอนกลางวันที่มองเห็นได้ชัดเจน กรครองอิห์รอมของเขาคราวนั้น เป็นอิห์รอมของพิธีฮัจญ์หรืออุมเราะฮ์ ?”
บุตรของอักซัมพยายามซักถามแต่ละประเด็น ในขณะที่อิมามญะวาด ก็ได้ให้รายละเอียดทุกประเด็น โดยไม่แสดงความเบื่อหน่ายในการให้คำตอบ บรรดาผู้ที่อยู่ในที่ประชุมต่างประหลาดใจ เมื่อได้ฟังคำตอบอย่างละเอียดของอิมาม ขณะเดียวกันสีหน้าของพวกอับบาสิยะฮ์ ที่ต้องการจะกลั่นแกล้งให้อิมามญะวาดพ้นจากตำแหน่งต้องถึกับหม่นหมองดำคล้ำ ด้วยความผิดหวัง
ติดตามตอนที่ 3